วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โลโก้ เซลซี

แฟนบอลเชลซีนั้นย่อมที่จะคุ้นเคยกับชื่อเล่นว่า สิงโตน้ำเงินคราม
ใช่มั้ยคะ เราสมัครใจเป็นแฟนเชลซี แล้วเดินตามเชลซีมาตั้งแต่

ยุคกุนซือคนไหนก็แล้วแต่ จนเราเห็นสัญลักษณ์สิงโตน้ำเงินด้วย
ความเคยชิน และอดภาคภูมิใจกับสิงโตตัวนี้เสียไม่ได้ 



จนมีหลายคนเรียกแฟนบอลเชลซีว่า สาวกสิงห์น้ำเงิน



แต่เรารู้มั้ยว่า ทำไมเชลซีถึงมีโลโก้เป็นสิงโต และทำไมต้องเป็น
สิงโตน้ำเงินด้วย ส่วนตัวก็สงสัยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นกระทู้นี้
ขอเป็นเรื่องโลโก้ของทีมเชลซีแล้วกันนะคะ




เชลซีมีโลโก้มากมาย ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาเชลซีเปลี่ยนมาแล้ว
ทั้งหมด 5 แบบ มาทำความรู้จักกับเชลซียุคแรกกันหน่อย


โลโก้นี้คือโลโก้เริ่มแรกของทีมเชลซี ผู้สูงอายุในวงกลมนั้น

เป็นหนึ่งในขุนนางที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่ง (ไม่เคยมีใครรู้ด้วยว่า
ผู้สูงอายุผู้นี้เป็นใคร) โลโก้นี้ไม่เคยใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์
บกอกเสื้อนักเตะมาก่อน อย่างไรก็ตาม จะปรากฎในตาราง
การแข่งขันและในจอทีวีบอกสกอร์ในสนามเท่านั้น ทำให้
The Pensioner จึงเป็นชื่อเล่นของทีมเชลซีเพื่อเป็นเกียรติ
ในฐานะที่เป็นโลโก้แรกของทีมในปัจจุบัน



***คำว่า Pensioner แปลตามพจนานุกรมเป๊ะๆ คือ ผู้มีสิทธิ
รับบำนาญ ในอังกฤษสมัยก่อนนั้น คนที่มีสิทธิ์ได้รับบำนาญ
คือขุนนาง หากเปรียบในสมัยนี้ คือข้าราชการนั่นเอง



โลโก้ที่สองเริ่มใช้ตั้งแต่ยุคกุนซือเท็ด เดร็คในปี 1952 อดีตกุนซือ
ผู้นี้เป็นผู้ปลุกกระแสให้คิดโลโก้ใหม่แทน The Pensioner และ
อีกจุดประสงค์หนึ่งก็คือเปลี่ยนชื่อเล่นทีมเป็น The Blues หาก
เราดูรูปให้ดี เราจะเห็น CFC -> Chelsea Football Club ซ้อนกัน
เพราะเหตุนี้ ในสมัยนั้น หากใครบอกว่าพวกเขาคือชาวสีน้ำเงิน
จะรู้ทันทีว่าเป็นแฟนบอลเชลซี



ซึ่งชื่อเล่นใหม่นี้ก็ได้รับการยอมรับอย่างล้นหลาม จนเป็นสีศักดิ์สิทธิ์
ของแฟนบอลเชลซีในช่วงนั้น



โลโก้ที่สามนี้เป็นโลโก้ที่โด่งดังมากที่สุด และเชลซีก็ใช้โลโก้นี้
เป็นเวลาถึง 33 ปี โลโก้ด้านนอกนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก
แขนของเสื้อนอกของพระชั้นเหนือบิชอฟในเขตมณฑลเชลซี



ส่วนสิงโตสีน้ำเงินถือไม้เท้าสีทองได้รับต้นแบบมาจากแขนเสื้อของ
ขุนนางท่านหนึ่งนามว่า Earl Cadogan (Earl ไม่ใช่นามสกุลนะคะ 
เป็นชื่อระดับชั้นขุนนาง ระดับเออร์ล) ซึ่งในสมัยนั้น ขุนนางผู้นี้
เป็นประธานของทีมเชลซีรวมทั้งได้รับความเห็นชอบจากขุนนาง
ระดับสูงกว่าระดับบารอนให้ใช้สิงโตถือไม้เท้าได้



***ไม้เท้า มีความหมาย หมายถึงความรู้ ศรัทธา จรรยาต่อ
พระผู้เป็นเจ้า ก็เหมือนกับพระระดับสูงมีไม้เท้าบอกระดับชั้นนะค่ะ
อีกทั้งในสมัยก่อน ศาสนจักรรุ่งเรืองมากกว่าอาณาจักร ทำให้
สัญลักษณ์อื่นใดก็ตามจากศาสนจักรนั่นเป็นสิ่งต้องห้าม



แต่ถึงกระนั้น เชลซีก็สามารถใช้ได้...เท่ห์แค่ไหน



โลโก้นี้ไม่ได้ใช้บนอกเสื้อนักเตะจนเมื่อถึงปี 1960 โลโก้นี้จึงเสร็จ
สมบูรณ์และใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นอย่างที่เห็นในรูป



ถึงแม้ว่า โลโก้นี้จะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโลโก้ประจำทีมโดยตรง
แต่ทีมเชลซีก็ใช้มาตั้งแต่ปี 1960-1970 แต่ทุกๆ คนก็เริ่มจะรู้จัก
และจำเชลซีในฐานะสิงโตน้ำเงินก็เพราะโลโก้นี้ 
ในปี 1986 เชลซีได้ปรับสี่โลโก้ให้เป้นโลโก้เดียวทำให้สินค้าของ
เชลซีพัฒนาและขายได้ โดยเฉพาะเสื้อและลูกฟุตบอล ในขณะที่
สิงโตและ CFC ยืนพื้นและไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งสีน้ำเงินก็ใช้เป็นสี
ของทีมเชลซีมาตั้งแต่โลโก้แรก 



โลโก้นี้ใช้มาถึง 19 ปี แฟนเชลซีจึงจำเชลซีว่าเป็นทีมสิงโตน้ำเงิน
โดยสมบูรณ์ ถึงกระนั้นแฟนบอลและผู้สนับสนุนเชลซีกลับจำโลโก้
นี้ได้มากกว่าโลโก้ที่สาม แต่เมื่อเวลาผ่านไป แฟนเชลซีกลับต้องการ
ที่จะกลับไปใช้โลโก้แบบเก่าเพื่อจะนำทีมเชลซีสู่สมัยใหม่ การคิดค้น
โลโก้ใหม่จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง



เวลาล่วงเลยมาจนถึงปี 2004 ทีมเชลซีจึงได้โลโก้ใหม่ คือ

เดือนพฤษภาคม 2005 โดยเอาโลโก้ที่สามเป็นหลัก คือ
สิงโตสีน้ำเงินถือไม้เท้าสีน้ำเงินบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งความหมาย
ของไม้เท้ายังไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่เปลี่ยนสีตามสีของทีม
เท่านั้น ซึ่ง ปีเตอร์ เคนยอน กล่าวว่า 



"ทีมเชลซีค้นหาโลโก้เพื่อบ่งบอกถึงตัวตนของเรามานานแสนนาน
เรามีประวัติศาสตร์กับสิงโตและสีน้ำเงิน สองสิ่งนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับ
เชลซีทั้งสิ้น ทีมเชลซีก็มีอายุเกิน 100 ปีแล้ว แต่ทีมเชลซีก็จะใช้
โลโก้นี้ตลอดไป"



ณ ตอนนี้ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร ทีมไหน ต่างจำสิงโตสีน้ำเงิน
ในฐานะที่เป็นโลโก้ของทีมเชลซีไปหมดแล้ว ครั้นจะมีการเปลี่ยน
ก็ได้รับเสียงคัดค้านจากแฟนบอลทั่วโลก ถึงแฟนบอลจะมีไม่เยอะ
เท่าแมนยู ฯ และลิเวอร์พูล แต่ก็ทำให้สโมสรไม่อาจคัดใจแฟนบอล
ได้ ทีมเชลซีจึงใช้สัญลักษณ์นี้มาจนถึงปัจจุบัน



.....
แถม เพื่อความรู้ของพวกเราชาวเชลซี Sun newspaper เคย
ออกแบบโลโก้ทีมเชลซีในคราวที่ทีมเชลซีมีอายุครบ 100 ปี
ด้วย (อย่าเข้าใจผิดว่าเดอะซันนะคะคนละส่วนกัน)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:





วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กลุ่ม โจรสลัดหมวกฟาง



กลุ่ม โจรสลัดหมวกฟาง



พระเอกของเรื่อง และเป็นกัปตันกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด พลังความมุ่งมั่นสูง เมื่อตั้งใจแล้วต้องทำให้ได้ และพึ่งพาได้ รักเพื่อนพ้องที่สุด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็จะต้องช่วยเพื่อนไว้ให้ได้ (ได้กินผลโกมุโกมุ(พารามิเซีย)หรือผลยางยืดเข้าไป ทำให้ร่างกายยืนหยุ่นได้เหมือนยาง ถึงแม้ความสามารถไม่โดดเด่นแต่สามารถนำทักษะมาร่วมกับพลังใจที่มุ่งมั่นและความสามารถ ทำให้ดึงพลังในการต่อสู้ได้สูงมาก ) ค่าหัวล่าสุดหลังจากเหตุการณ์ที่เกาะเอนิเอสลอบบี้คือ 300 ล้านเบรีได้รับฉายาว่า "หมวกฟางลูฟี่" เมื่อ 2 ปีต่อมาหลังจากที่เขาไปก่อเรื่องที่ศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพเรือทำให้เขามีค่าหัวสูงถึง 400 ล้านเบรี


นักดาบผู้ใช้วิชา 3 ดาบ เป็นสมาชิกคนแรกของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง เคยเป็นนักล่าโจรสลัดมาก่อนที่จะร่วมกับลูฟี่ เป็นคู่กัดกับชันจิ มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของโลก เป็นคนจริงจัง เข้มแข็ง และแข็งแกร่งมากภายในกลุ่ม แต่ก็เป็นคนที่ชอบนอนหลับ,หลงทางและดื่มเหล้าที่สุด ค่าหัวล่าสุด 120 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "นักล่าโจรสลัด โซโล" (ปัจจุบัน 160 ล้านเบรี ยังไม่ทราบวีระกรรมระหว่าง 2 ปีที่หายไป)


สาวต้นหนประจำเรือที่มีพรสวรรค์ในการอ่านแผนที่ ก่อนจะมาอยู่กับลูฟี่ นามิทำงานให้กับโจรสลัดกลุ่มเงือกโดยถูกหลอกให้หาเงินและเขียนแผนที่ เพื่อที่ปกป้องประชาชนและหมู่บ้านของตนไว้จากการปกครองแบบเผด็จการและข่มขี่ ได้ลูฟี่ช่วยเหลือและชักชวนมาเข้ากลุ่ม อุซบเป็นผู้ประดิษฐ์อาวุธให้โดยตอนแรกจะสร้างไว้เพื่อแสดงในงานเลี้ยง แต่ภายหลังได้ไดอัลมาจากเกาะแห่งท้องฟ้า อุซปจึงพัฒนาอาวุธนี้ ให้ก้าวหน้าและนำมาใช้โดยเวลาต่อสู้นามิจะสามารถสร้าง และควบคุมสภาพอากาศทางธรรมชาติ และดึงพลังทางธรรมชาติออกมาใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว มีความใฝ่ฝันคือเขียนแผนที่รอบโลก มีค่าหัว 16 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "แมวขโมย นามิ"
นักแม่นปืนประจำเรือ ฝีมือยิงปืนสูงพอๆกับฝีมือการโกหก มีนิสัยขี้ขลาด แต่เมื่อใดที่เพื่อนโดนดูถูกหรือต้องการความช่วยเหลือ เขาก็ยินดีเอาชีวิตเข้าเสี่ยง พ่อของอุซบชื่อ "ยาซบ"เป็นลูกเรือของกลุ่มโจรสลัดแชงคูส "ผมแดง" ที่เมืองวอเตอร์เซเว่นอุซปได้ทะเลาะกับลูฟีเรื่องการซื้อเรือใหม่แต่อุซปไม่เห็นด้วยจึงขอแยกออกจากกลุ่ม แต่ตอนหลังได้กลับมาช่วยลูฟี่ จึงใส่หน้ากากปลอมตัว(ในนามของโซเงคิง) 30 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "เจ้าแห่งการซุ่มยิง โซเงคิง"
     


พ่อครัวประจำเรือ ใช้ขาทั้งสองในการต่อสู้ ไม่นิยมใช้มือต่อสู้เพราะถือว่า ใช้มือในการปรุงอาหารเท่านั้น เกลียดพวกที่เอาอาหารมาเล่นและพวกที่ดูถูกอาหาร โดยใช้ท่าในการต่อสู้จากเพลงเตะ แทบทั้งสิ้น โดยชื่อท่าจะดัดแปลงมาจากชื่ออาหาร มีความใฝ่ฝันในการตามหาออลบลู นิสัยชอบหลีสาวๆหน้าตาดี โดยเฉพาะนามิ และโรบิน (มีคติจะไม่เตะผู้หญิงแม้ต้องถูกฆ่าตาย) ค่าหัว 77 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "ขาดำ ซันจิ" (รูปบนใบค่าหัวนั้นเป็นเพียงรูปสเก็ตเนื่องจากทางทหารเรือไม่สามารถเก็บภาพของซันจิได้เพราะช่างภาพของทหารเรือที่แอบถ่ายรูปนั้นตอนถ่ายลืมเปิดฝาของกล้องถ่ายรูป ทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพได้)
หมอประจำเรือ ใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอที่สามารถรักษาได้ทุกโรค ในอดีตนั้นเป็นกวางแรนเดียร์จมูกน้ำเงิน แต่ได้กินผลฮิโตะฮิโตะ(ผลมนุษย์) เข้าไปทำให้สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ (แต่ไม่ค่อยเหมือน) ทั้งยังพูดภาษามนุษย์ได้ จึงโดนตั้งข้อรังเกียจจากเผ่าพันธุ์ของตนทั่งที่เดิมก็โดนรังเกียจที่มีจมูกน้ำเงินอยู่แล้ว เมื่อจะมาอยูกับมนุษย์ก็โดนไล่ยิงเพราะคิดว่าเป็นปีศาจ ต่อมาได้อยู่ร่วมกับมนุษย์ คือหมอกำมะลอ ฮิลรุค (ผู้ที่ร่วมชะตากรรมโดนสังคมรังเกียจเช่นกัน) ฮิลรุคผู้ซึ่งจงรักภักดีต่ออาณาจักรดรัมยิ่งกว่าสิ่งใด ก่อนตัวตายได้ฝากฝังช็อปเปอร์ ไว้กับเพื่อนสนิท ดอกเตอร์ คุเรฮะ ช็อปเปอร์จึงได้รับการถ่ายทอดวิชาการแพทย์ จนสามารถคิดค้นเม็ดยาชนิดพิเศษ "รัมเบิ้ลบอล" ที่ทำให้พลังของผลปีศาจที่อยู่ในร่างกายปั่นป่วนจนสามารถทำให้แปลงกายได้ถึง 8 ขั้น แต่ในการต่อสู้ไม่ควรกินเกิน2เม็ด เพราะเมื่อกินเม็ดที่2จะเริ่มแปลงร่างไม่ได้ดั่งใจ และเมื่อกินเม็ดที่3จะกลายร่าเป็นอสูรกายร่างยักษ์ขาดสติคลุ้มคลั่ง ค่าหัว 50 เบรี ได้รับฉายาว่า "ผู้ชื่นชอบขนมหวาน ช็อปเปอร์" เพราะว่าทหารเรือเข้าใจผิด คิดว่าช็อปเปอร์เป็นสัตว์เลี้ยง

สาวนักโบราณคดี ผู้มีชีวิตเหลือรอดคนเดียวจากเกาะแห่งนักประวัติศาสตร์และนักวิชาการ "โอฮาร่า" มีความสามารถอ่านภาษาโบราณได้ พยายามตามหาโพเนกลีฟที่แท้จริง ตามรอยมารดา นิโค โอลเวีย ในวัยเด็กโรบินกินผลฮานะฮานะ(พารามิเซีย)เข้าไป ทำให้สามารถแตกหน่ออวัยวะในร่างกายได้ทุกที่ที่โรบินสามารถมองเห็นได้ ถูกตั้งค่าหัวตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ค่าหัว 79 ล้านเบรี ค่าหัวล่าสุด 80 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "ลูกปีศาจ นิโคโรบิน"


แฟรงกี้ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ คาติฟูแลม เป็นนักแยกชิ้นส่วนเรือ ผู้ชอบดื่มโคล่าเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าพวกแก๊งโฉดในเมืองวอเตอร์เซเว่น ในใจลึกๆแล้วแฟรงกี้ทำเพื่อปกป้องเมืองที่ตนรักเท่านั้น แฟรงกี้มีอดีตอันเจ็บปวดที่เกิดกับผู้มีพระคุณของเขา และเนื่องจากเหตุการณ์ในอดีต เพื่อความอยู่รอดเขาจึงต้องดัดแปลงตัวเองไปเป็นไซบอร์ก(ซึ่งจะได้รับพลังงานมาจากโคล่า)เขามีแบบแปลนอาวุธโบราณ "พลูตัน"ที่รัฐบาลโลกต้องการและได้เผาทำลายไปในเหตุการณ์ที่เกาะเอนิเอสล็อบบี้ก่อนที่จะมาเข้ากลุ่มหมวกฟาง ปัจจุบันเป็นช่างซ่อมเรือประจำกลุ่ม ค่าหัว 44ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "ไซบอร์ก แฟรงกี้"


สมาชิกคนล่าสุดของกลุ่ม กินผลโยมิโยมิ(คืนชีพ)เป็นนักดาบและนักดนตรี บรู๊คเคยสัญญากับลาบูนที่แหลมแฝดไว้ว่า จะวนรอบโลกแล้วกลับมาหาลาบูนอีกครั้งหนึ่ง แต่แล้ววันหนึ่งกลุ่มของเขาก็ต้องพินาศย่อยยับ ก่อนที่จะตายจากกันนั้น เขาและพวกพ้องเล่นดนตรีร่วมกันแล้วบันทึกเสียงไว้ในโทนไดอัล เพื่อเอาไปให้ลาบูนได้ฟังในวันที่เจอกับลาบูนอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไป50ปี เขามาพบกับกลุ่มของลูฟี่และขอร่วมเดินทางไปด้วย ลักษณะที่สังเกตเห็นได้ชัด คือ มีรูปร่างเป็นโครงกระดูก และมีผมทรงอาโฟร ตอนยังมีชีวิตอยู่ มีค่าหัว 33 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "ฮัมมิ่ง บรู๊ค"


อดีตสมาชิกลูกเรือ
วีวี่จังเนเฟลตาลี บีบี เป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรอลาบาสตา ตอนอายุ 14 เธอกับอีการัมและกาลูออกเดินทางจากอาณาจักร โดยแฝงตัวเป็นฟอนเทียร์ เอเย่นต์ขององค์กรบารอคเวิร์ค เพื่อสืบหาตัวจริงของหัวหน้าองค์กรลับที่ทำให้อาณาจักรเกิดความแห้งแล้ง จนกระทั่งได้รู้ตัวจริงของหัวหน้าองค์กรคือ "คร็อคโคไดล์" โดยวีวี่ใช้โค้ดเนมว่า "มิสเวนส์เดย์" ส่วนอีการัมใช้โค้ดเนมว่า "มิสเตอร์เอท" ซึ่งทั้งสองได้ทำหน้าที่เป็นนักล่าค่าหัวร่วมกับมิสเตอร์ไนน์ มิสมันเดย์ และเหล่ามิลเลี่ยนอีก 100 คนเกาะวิสกี้พีค ในช่วงแรกได้ปรากฏตัวเป็นศัตรูของลูฟี่ จนกระทั่งมิสเตอร์ไฟว์และมิสวาเลนไทน์ได้ตามมาฆ่าตามคำสั่งของบอส วีวี่จึงร่วมมือกับลูฟี่ในการหยุดยั้งแผนการของครอคโคไดล์
กาลู
เป็นนกเป็ดน้ำทะเลทราย เป็นสัตว์เลี้ยงของวีวี่ ซื่อสัตย์ แต่ไม่ค่อยยอมทำตามคำสั่งของเจ้าของเท่าใดนัก